วันหนึ่งของเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว รถโรงเรียนมาส่งพี่ตังเมที่บ้าน วันนี้พี่ตังเมไม่เหมือนทุกๆวันที่ ไม่ร่างเริง ไม่ร้องเพลง ไม่ยิ้มแย้ม ป้าพี่เลี้ยงของพี่ตังเมกำลังช่วยคุณตาล้างบ่อปลา ทุกครั้งถ้าพี่ตังเมเห็นกิจกรรมที่ทำกับบ่อปลาต้องขอมีส่วนร่วมด้วยทุกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่ ด้วยสัญชาติญาณพี่เลี้ยงเด็กมืออาชีพของป้าพันธ์ รู้ได้ทันทีว่าพี่ตังเมกำลังเริ่มไม่สบายแล้ว
เมื่อแม่ก้อยกลับมาจากที่ทำงาน เย็นวันนั้นพี่ตังเมอ้วกไป 3 รอบแล้วค่ะ ซึมและไม่ร่าเริง เบื้องต้นแม่ก้อยคิดว่าพี่ตังเมอาหารเป็นพิษ แต่ว่ามันไม่ใช่ค่ะพี่ตังเมอ้วกแทบจะตลอดเวลา กินแค่น้ำเปล่าไปเพียงอึกเดียวก็อ้วกพุ่ง นอนก็ไม่ได้ อ้วกจนไม่มีอะไรจะอ้วกออกมาแล้ว คืนนั้นแม่ก้อยต้องรีบพาพี่ตังเมไปหาหมอทันที ไปถึงโรงพยาบาลเกือบ 4 ทุ่ม แผนกเด็กกำลังจะปิด และพี่ตังเมก็เป็นคนไข้เด็กคนสุดท้ายพอดี
คุณหมอเวรวินิจัยว่าพี่ตังเมเป็นไวรัสลงกระเพาะ และให้ฉีดยากันอ้วกก่อน 1 เข็ม ฤทธิ์ยาจะมีอยู่ประมาณ 6 ชั่วโมงได้ แนะนำว่าพยายามให้พี่ตังเมกินน้ำเกลือแร่ให้ได้ เพราะกลัวจะขาดน้ำ พร้อมกับจ่ายยากันอ้วก Motilium มา 1 ขวด เมื่อกลับถึงบ้านพี่ตังเมยังคงอ้วกต่อไปเป็นระยะๆ จนถึงเช้าทั้งแม่และลูกไม่ได้นอนกันทีเดียว พอเช้าแล้วแม่ก้อยรีบพาพี่ตังเมไปหาหมออีกครั้ง คราวนี้กลับไปพบกับป้าหมอคนเดิมที่คอยดูแลพี่ตังเม และน้องจีน ป้าหมอก็วินิจฉัยว่าเป็นไวรัสลงกระเพาะ ซึ่งอาการของโรคนี้จะมีอาการท้องเสียร่วมด้วย จึงได้รับยา Smectra เพื่อดูซับเชื้อโรค สารพิษในลำไส้ และ Bioflor เพื่อให้เวลาถ่ายออกมาอึจับตัวเป็นก้อน พร้อมกับคำเตือนว่าระวังน้องจีนจะเป็นด้วย
สุดท้ายทุกอย่างเป็นไปตามที่ป้าหมอคาดการณ์เอาไว้ วันนั้นพี่ตังเมท้องเสีย และน้องจีนเริ่มอ้วกตั้งแต่เวลาเที่ยงคืน จนถึงเช้า ส่งผลให้เป็นเวลา 2 คืนติดกันที่แม่ก้อยไม่ได้นอนเลย เฝ้าลูกตลอดเวลา รุ่งเช้าแม่ก้อยก็ต้องรีบพาน้องจีนไปโรงพยาบาลเพื่อพบกับป้าหมอ วิธีการแนวการรักษาก็เหมือนกับพี่ตังเมค่ะ
แม่ก้อยไม่เคยศึกษาเรื่องไวรัสลงกระเพาะในเด็กมาก่อน เมื่อเจอเข้ากับลูกของตัวเอง รู้เลยค่ะว่ามันหนักหนาสำหรับเด็กเล็กมาก อ้วกกันจนหลอนทั้งแม่ทั้งลูก และท้องเสียหนักมาก มากถึงขนาดถอด Pempers น้องจีนออกมาอึพุ่งออกมาเป็นสายน้ำเหมือนฉี่เลยค่ะ แม่ก้อยกลัวที่ลูกจะก้นแดงจากการอึมเพราะจะทำให้ลูกแสบก้น และหวาดกลัวในการอึ และการทำความสะอาด ดังนั้นเมื่อแม่ก้อยรู้ว่าลูกกำลังอึขณะที่ใส่ Pempers แม่ก้อยจะรีบทำความสะอาดก้นลูกทันทีเมื่อลูกอึเสร็จ และตามด้วยการทาครีมกันก้นแดงไว้ก่อน ดังนั้นน้องจีนก้นไม่แดงค่ะ
แม่ก้อยถามป้าหมอว่าทั้งพี่ตังเม และน้องจีนก็หยอดโรต้าทำไมถึงยังเป็นโรคไวรัสลงกระเพาะ ป้าหมออธิบายว่ามันมีไวรัสตัวอื่นอีกด้วยไม่ใช่มีแต่แค่โรต้าเพียงอย่างเดียว
สิ่งสำคัญที่สุดคือการ เสียน้ำ และการช็อคในเด็ก เพราะจะทำให้เด็กเสียชีวิตได้ การที่แม่ก้อยไม่ได้แอดมิทพี่ตังเม และน้องจีน เพราะแม่ก้อยประเมินดูแล้ว แม่ก้อย ป้าพี่เลี้ยง และคุณยาย ไม่รวมพี่ใหญ่นะคะ เพราะรายนั้นทำงานไกลบ้านค่ะ เราสามคนสามารถช่วยกันดูแลได้ แม่ก้อยลาพักร้อนจากงานมา 2 วันเพื่อมาดูแลลูกโดยเฉพาะ และคอยประเมินสถานการณ์การขาดน้ำของลูกทั้งสอง ถ้าดูแล้วเกินกำลังก็จะรีบพาไปแอดมิททันทีค่ะ
สิ่งที่พี่ตังเมและน้องจีนแสดงอาการอย่างเห็นได้ชัดคือ การกระหายน้ำมาก แต่เมื่อกินน้ำเข้าไปมากๆ ก็จะอ้วก อาหารก็ทานไม่ได้ทานแล้วอ้วกพุ่งตลอด ทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ลูกกิน ต้องน้อยๆ ย่อยง่าย และให้ทานบ่อยๆ ค่ะ
การทดแทนน้ำในเด็ก
- กรณีไม่มีข้อห้ามจากคุณหมอให้ลูกดื่มน้ำเกลือแร่ของเด็กค่ะ ถ้าไม่ยอมทานแม่ก้อยแนะนำให้ใส่หลอดฉีด ฉีดเข้าปากเลยค่ะ ค่อยๆฉีดเข้าปากลูกนะคะเดียวอ้วก ลูกร้องไม่เป็นไร แต่ต้องได้ทานน้ำเกลือแร่ค่ะ แม่ก้อยเองบางครั้งก็ใช้วิธีนี้เหมือนกัน
- นมผงที่ทานต้องไม่มีส่วนผสมของ Lactose ค่ะ นั่นคือกลุ่มของนมถั่วเหลือจะไม่มีส่วนผสมของ Lactose ซึ่งพี่ตังเม และน้องจีนก็ทานนมถั่วเหลืองอยู่แล้ว
วิธีสังเกตุการขาดน้ำ
- ผิวแห้ง ริมฝีปากแห้ง
- เพลีย ซึม นอนหลับง่าย
- หิวน้ำ
- ปัสสวะน้อย
- ร้องไห้ไม่มีน้ำตา
- ไม่มีแรง
สิ่งสำคัญที่สุดแม่ก้อยคิดว่าการดูแลลูกที่ป่วยด้วยโรคไวรัสลงกระเพาะ ผู้ดูแลต้องใส่ใจ ใกล้ชิด ช่างสังเกตุ ให้มากๆ เพราะเด็กเล็กอาจเสียชีวิตด้วยโรคไวรัสลงกระเพาะจากภาวะการขาดน้ำได้ค่ะ