ฤดูฝนปีนี้ 2558 ฝนตกเกือบทุกวัน ส่วนหนึ่งแม่ก้อยก็ชอบเพราะอากาศเย็นสบาย และอยากให้เกษตรทั้งหลายปลูกพืชผักได้ผลผลิตตรงตามความต้องการ แต่สิ่งที่ไม่ชอบมากที่สุดคือ หน้าฝนนำพามาซึ่งความเจ็บป่วยของเด็กเล็กได้ง่ายมาก จากที่แม่ก้อยเคยเล่าไว้ว่าพี่ตังเมเข้าโรงเรียนเพื่อเรียนชั้นเตรียมอนุบาลแล้ว ดังนั้นโอกาสที่พี่ตังเมจะเป็นหวัดก็มีมากขึ้น และยังส่งผลพวงไปถึงน้องจีนอย่างหลีกเลี่ยงได้ยาก
นับถอยหลังไปประมาณ 3 เดือนที่ผ่านมาพี่ตังเมเป็นหวัดไม่สบายมีน้ำมูกใส และอาการไอร่่วมด้วย มีไข้บ้างเป็นบางครั้งและไม่สูงมาก แม่ก้อยรีบพาพี่ตังเมไปพบคุณหมอตั้งแต่วันแรกที่พี่ตังเมเริ่มมีอาการไม่สบาย เพราะกลัวจะส่งต่อไปให้น้องจีนด้วย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่พ้นต้องพาน้องจีนมาพบคุณหมอ ซึ่งแม่ก้อยพามาพบคุณหมอตั้งแต่สักเกตุเห็นว่าน้องจีนเริ่มมีน้ำมูกใส
ความจริงแล้วโอกาสที่น้องจีนจะรอดจากการไม่สบายในทุกๆครั้งน้อยมาก เพราะพี่ตังเมและน้องจีนเล่นด้วยกัน รบกันทั้งวัน แถมยังนอนเตียงเดียวกัน โดยมีแม่ก้อยเป็นคนนอนคั่นกลาง
หลังจากพบคุณหมอน้องจีนกลับบ้านได้ 2 วันอาการไม่ดีขึ้นเริ่มแย่ลง พี่ใหญ่สังเกตุเห็นว่าน้องจีนหายใจหอบ ไข้สูง เริ่มไอ และซึม ตอนนั้นเป็นเวลา 21.00 น. ทั้งแม่ก้อย และพี่ใหญ่ รีบพาน้องจีนไปหาหมอทันที โดยที่โรงพยาบาลนี้มีคุณหมอเด็กอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง คุณหมอตรวจน้องจีนไม่นานสรุปได้เลยว่าน้องจีนเป็นปอดบวม แอดมิทคืนนั้นทันที
อาการของเด็กที่เป็นโรคปอดบวม หรือปอดอักเสบ หรือปอดติดเชื้อ
- มักจะป่วยด้วยโรคไข้หวัดมากก่อน
- ไอ มีเสมหะ ไข้สูง
- หายใจลำบาก หายใจเร็ว หายใจเหนื่อยหอบ
- กรณีที่มีอาการรุนแรง สังเกตุบริเวณชายโครงจะยุบตัวลงเมื่อในจังหวะหายใจเข้า
เกณฑ์พิจารณาว่าเด็กหายใจเร็วหรือไม่
- เด็กอายุต่ำกว่า 2 เดือน หายใจเร็วกว่า 60 ครั้ง/นาที
- เด็กอายุ 2 เดือน-1 ปี หายใจเร็วกว่า 50 ครั้ง/นาที
- เด็กอายุ 1-5 ปี หายใจ เร็วกว่า 40 ครั้ง/นาที
วิธีป้องกัน คือหลีกเลี่ยงจากการให้เด็กอยู่ในแหล่งชุมชม เช่น สถานรับเลี้ยงเด็ก ศูนย์การค้า และผู้ป่วยที่มีอาการไอ จาม
คุณหมอรักษาน้องจีนด้วยการให้ท่อออกซิเจนเวลาที่น้องจีนหลับ ดูดเสมหะ พ่นยา และให้ยา เนื่องด้วยน้องจีนยังเล็กมากไม่สามารถขากเสมหะออกได้เอง ต้องใช้วิธีการดูดเสมหะช่วยด้วย ในช่วงวันแรกที่อยู่ที่โรงพยาบาลต้องดูกเสมหะ และพ่นยาทุก 2 ชั่วโมง เมื่ออาการเริ่มดีขึ้นก็ห่างออกไปเป็นทุก 4 ชั่วโมง ทุกครั้งที่น้องจีนถูกดูกเสมหะ และพ่นยา แม่ก้อยสงสารลูกมากใจจะขาดแทน ยิ่งเห็นแววตา และการแสดงออกของน้องจีนว่าช่วยด้วยแล้ว แม่ก้อยน้ำตาซึมทีเดียว
แต่แม่ก้อยก็ยินดีทุกครั้งที่น้องจีนต้องผ่านกิจกรรมเหล่านี้ เพราะเป็นขั้นตอนหลักอย่างหนึ่งในการรักษาที่ช่วยให้น้องจีนหายใจสะดวก ไม่เหนื่อยหอบ นอนหลับสบายมากขึ้น ครั้งที่น้องจีนป่วยด้วยโรคปอดบวมนี้ต้องอยู่รักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึง 6 วัน กลับจากเฝ้าคนป่วยรอบนี้แม่ก้อยน้ำหนักหายไป 2 กิโลทีเดียว